การจำหรือท่องศัพท์ต่างๆในภาษาอังกฤษโดยการอ่านจากหนังสือหรือใบคำศัพท์อาจได้ยาก วันนี้เรามีวิธีมาบอกเพื่อนๆไว้ลองทำกันดู เผื่อจะช่วยเพื่อนๆในการจำศัพท์ได้ง่ายกว่าการท่องจากหนังสืออย่างเคร่งเครียด
1.)เขียนแปะไว้บนฝาผนัง เขียนสิ่งที่เราจะจำไว้ในกระดาษแล้วแปะตามฝาผนังที่เห็นได้ชัดเจนเพราะจเป็นการเตือนความจำเมื่อเรามองเห็นมัน เช่นห้องน้ำเวลาที่เราอาบน้ำไปก็อาจใช้เวลาในการอาบน้ำอ่านไปด้วยวันละ1-2คำ และที่ที่เรามองเห็นบ่อยๆ
2.)ทำฉลากไว้หยิบมาทายความหมายของคำศัพท์
3.)อ่านหนังสือการ์ตูน นิยาย นิทาน เป็นภาษาอังกฤษที่เริ่มจากเล่มที่มีประโยคง่ายๆพื้นฐาน
4.)ดูภาพยนตร์ การ์ตูน ที่มีภาษาอังกฤษบอกว่าเขียนอย่างไร หรือฟังเพลง ที่เป็นภาษาอังกฤษ
5.)พกใบคำศัพท์เล็กๆติดตัวไว้ว่างๆจะได้นำมาอ่านดู ทางที่ดีควรเขียนด้วยดินสอ จะได้ลบแล้วเขียนคำแปลใหม่ได้เรื่อยๆ(อย่าเขียนกดนะจ้ะ เดี๋ยวจะมีรอยคำแปลไว้)เพื่อทวนคำศัพท์เดิมที่เราเคยเขียน
6.)เขียนคำศัพท์ที่เราต้องการจำได้และเขียนได้ให้แม่นคือ เขียนซ้ำๆย้ำๆจนเขียนได้คล่อง
เพื่อนถนัดหรือสนใจวิธีไหนก็ลองนำไปทำกันดูได้เลยนะ หรือถ้าเพื่อนๆคนไหนมีวิธีอื่นๆที่น่าสนใจ มาบอกกันได้เลยจ้าาา
ท่องศัพท์เหนื่อยๆก็พักกินบ้างไม่เป็นไรน้าา 555555555
Musics player
วันอังคารที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2558
วันพฤหัสบดีที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2558
week4:โปรแกรมภาษาคอมพิวเตอร์
Java คืออะไร
Java หรือ Java programming language คือภาษาโปรแกรมเชิงวัตถุ พัฒนาโดย เจมส์ กอสลิง และวิศวกรคนอื่นๆ ที่บริษัท ซัน ไมโครซิสเต็มส์ ภาษานี้มีจุดประสงค์เพื่อใช้แทนภาษาซีพลัสพลัส C++ โดยรูปแบบที่เพิ่มเติมขึ้นคล้ายกับภาษาอ็อบเจกต์ทีฟซี (Objective-C) แต่เดิมภาษานี้เรียกว่า ภาษาโอ๊ก (Oak) ซึ่งตั้งชื่อตามต้นโอ๊กใกล้ที่ทำงานของ เจมส์ กอสลิง แล้วภายหลังจึงเปลี่ยนไปใช้ชื่อ "จาวา" ซึ่งเป็นชื่อกาแฟแทน จุดเด่นของภาษา Java อยู่ที่ผู้เขียนโปรแกรมสามารถใช้หลักการของ Object-Oriented Programming มาพัฒนาโปรแกรมของตนด้วย Java ได้
ภาษา Java เป็นภาษาสำหรับเขียนโปรแกรมที่สนับสนุนการเขียนโปรแกรมเชิงวัตถุ ( OOP : Object-Oriented Programming) โปรแกรมที่เขียนขึ้นถูกสร้างภายในคลาส ดังนั้นคลาสคือที่เก็บเมทอด (Method) หรือพฤติกรรม (Behavior) ซึ่งมีสถานะ (State) และรูปพรรณ (Identity) ประจำพฤติกรรม (Behavior)
ข้อดีของ ภาษา Java- ภาษา Java เป็นภาษาที่สนับสนุนการเขียนโปรแกรมเชิงวัตถุแบบสมบูรณ์ ซึ่งเหมาะสำหรับพัฒนาระบบที่มีความซับซ้อน การพัฒนาโปรแกรมแบบวัตถุจะช่วยให้เราสามารถใช้คำหรือชื่อ ต่าง ๆ ที่มีอยู่ในระบบงานนั้นมาใช้ในการออกแบบโปรแกรมได้ ทำให้เข้าใจได้ง่ายขึ้น
- โปรแกรมที่เขียนขึ้นโดยใช้ภาษา Java จะมีความสามารถทำงานได้ในระบบปฏิบัติการที่แตกต่างกัน ไม่จําเป็นต้องดัดแปลงแก้ไขโปรแกรม เช่น หากเขียนโปรแกรมบนเครื่อง Sun โปรแกรมนั้นก็สามารถถูก compile และ run บนเครื่องพีซีธรรมดาได้
-ภาษาจาวามีการตรวจสอบข้อผิดพลาดทั้งตอน compile time และ runtime ทำให้ลดข้อผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้นในโปรแกรม และช่วยให้ debug โปรแกรมได้ง่าย
- ภาษาจาวามีความซับซ้อนน้อยกว่าภาษา C++ เมื่อเปรียบเทียบ code ของโปรแกรมที่เขียนขึ้นโดยภาษา Java กับ C++ พบว่า โปรแกรมที่เขียนโดยภาษา Java จะมีจํานวน code น้อยกว่าโปรแกรมที่เขียนโดยภาษา C++ ทำให้ใช้งานได้ง่ายกว่าและลดความผิดพลาดได้มากขึ้น
- ภาษาจาวาถูกออกแบบมาให้มีความปลอดภัยสูงตั้งแต่แรก ทำให้โปรแกรมที่เขียนขึ้นด้วยจาวามีความปลอดภัยมากกว่าโปรแกรมที่เขียนขึ้น ด้วยภาษาอื่น เพราะ Java มี security ทั้ง low level และ high level ได้แก่ electronic signature, public andprivate key management, access control และ certificatesของ
-มี IDE, application server, และ library ต่าง ๆ มากมายสำหรับจาวาที่เราสามารถใช้งานได้โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย ทำให้เราสามารถลดค่าใช้จ่ายที่ต้องเสียไปกับการซื้อ tool และ s/w ต่าง ๆ
ข้อเสียของ ภาษา Java
-ทำงานได้ช้ากว่า native code (โปรแกรมที่ compile ให้อยู่ในรูปของภาษาเครื่อง) หรือโปรแกรมที่เขียนขึ้นด้วยภาษาอื่น อย่างเช่น C หรือ C++ ทั้งนี้ก็เพราะว่าโปรแกรมที่เขียนขึ้นด้วยภาษาจาวาจะถูกแปลงเป็นภาษากลาง ก่อน แล้วเมื่อโปรแกรมทำงานคำสั่งของภาษากลางนี้จะถูกเปลี่ยนเป็นภาษาเครื่องอีก ทีหนึ่ง ทีล่ะคำสั่ง (หรือกลุ่มของคำสั่ง) ณ runtime ทำให้ทำงานช้ากว่า native code ซึ่งอยู่ในรูปของภาษาเครื่องแล้วตั้งแต่ compile โปรแกรมที่ต้องการความเร็วในการทำงานจึงไม่นิยมเขียนด้วยจาวา
-tool ที่มีในการใช้พัฒนาโปรแกรมจาวามักไม่ค่อยเก่ง ทำให้หลายอย่างโปรแกรมเมอร์จะต้องเป็นคนทำเอง ทำให้ต้องเสียเวลาทำงานในส่วนที่ tool ทำไม่ได้ ถ้าเราดู tool ของ MS จะใช้งานได้ง่ายกว่า และพัฒนาได้เร็วกว่า (แต่เราต้องซื้อ tool ของ MS และก็ต้องรันบน platform ของ MS)
ข้อมูลอ้างอิง
http://th.wikipedia.org
http://www.jhelp.net
http://happyeverytime.exteen.com
วันศุกร์ที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2558
week3:Social Network กับนักเรียนและสังคมไทย
Social Network
Social Network คือการที่ผู้ใช้งานอินเตอร์เน็ตคนหนึ่ง เชื่อมโยงกับเพื่อนอีกนับสิบ รวมไปถึงเพื่อนของเพื่อนอีกนับร้อยบนอินเตอร์เน็ต เช่น Facebook,Twitter,Line หรือ Instagram เป็นต้น ข้อดีของของโซเชียลเน็ตเวิร์คเกิดขึ้นกับทุกคนทุกเพศทุกวัยและทุกอาชีพ ไม่ว่าจะเป็นนักเรียนนักศึกษา นักธุรกิจ เป็นต้น ทำให้มีการติดต่อสื่อสารกันง่ายขึ้น หรือมีการติดต่อซื้อขายสินค้ากันได้ง่ายขึ้น
ขอบคุณภาพจาก http://thumbsup.in.th/wp-content/uploads/2014/05/socialmedia.jpg
ข้อดีคือ
1. สามารถส่งข้อมูลไปให้คนจำนวนมากทำได้อย่างรวดเร็ว
ขอบคุณภาพจาก http://www.1009seo.com/+uppic/12-57/social_network_2.JPG
2. เป็นทางในการหางานทำงาน
ขอบคุณภาพจาก http://th.jobsdb.com/th-th/wp-content/uploads/sites/3/2014/08/%E0%B9%82%E0%B8%8B%E0%B9%80%E0%B8%8A%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%A5%E0%B8%A1%E0%B8%B5%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B9%83%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%97%E0%B8%B3%E0%B8%87%E0%B8%B2%E0%B8%99.jpg
3. ใช้ในการหาข้อมูลต่างๆในการเรียน
ขอบคุณภาพจาก http://tech.mthai.com/wp-content/uploads/2011/04/google-video-sitemap.jpeg
4. ทำให้ติดต่อกันได้ง่ายขึ้น
ขอบคุณภาพจาก http://www.moneymartthai.com//images/daily/daily_146.jpg
5.)ติดต่อค้าขายกันได้สะดวกขึ้น ไม่จำเป็นต้องเดินทางหากัน เพราะบางครั้งระยะทางไกลกัน
ขอบคุณภาพจาก http://www.jaffnacentralcollege.org/wp-content/uploads/2013/11/promotiononlineshopping.jpg
ข้อเสีย
1. ไม่มีวิธีตรวจสอบว่าข้อมูลที่ได้รับนั้นเป็นจริงหรือไม่
ขอบคุณภาพจาก http://www.dmc.tv/images/00-iimage/570531.02.jpg
2. ต้องใช้ความระมัดระวังอย่างมากในการใช้โซเชียลเน็ตเวิร์ค เพราะเมื่อโพสหรือเผยแพร่อะไรแล้ว ข้อมูลนั้นจะถูกแผ่หลายเร็วมาก
ขอบคุณภาพจาก https://lh3.googleusercontent.com/-dx33Z_AN-z4/UTw9A6rqKJI/AAAAAAAAE-Q/hOgFa7ByX28/s700/tumblr1.jpg
ทุกคนคงได้รู้ข้อดีและข้อเสียของโซเชียลเน็ตเวิร์คกันแล้วว่าประโยชน์นั้นมีมากพอสมควรทำให้สะดวกในการติดต่อกับคนอื่นๆและทำธุรกิจได้ แต่ก็ควรระมัดระวังข้อเสียของการใช้โซเชียลเน็ตเวิร์คด้วยเช่นกัน
Social Network คือการที่ผู้ใช้งานอินเตอร์เน็ตคนหนึ่ง เชื่อมโยงกับเพื่อนอีกนับสิบ รวมไปถึงเพื่อนของเพื่อนอีกนับร้อยบนอินเตอร์เน็ต เช่น Facebook,Twitter,Line หรือ Instagram เป็นต้น ข้อดีของของโซเชียลเน็ตเวิร์คเกิดขึ้นกับทุกคนทุกเพศทุกวัยและทุกอาชีพ ไม่ว่าจะเป็นนักเรียนนักศึกษา นักธุรกิจ เป็นต้น ทำให้มีการติดต่อสื่อสารกันง่ายขึ้น หรือมีการติดต่อซื้อขายสินค้ากันได้ง่ายขึ้น
ขอบคุณภาพจาก http://thumbsup.in.th/wp-content/uploads/2014/05/socialmedia.jpg
ข้อดีคือ
1. สามารถส่งข้อมูลไปให้คนจำนวนมากทำได้อย่างรวดเร็ว
ขอบคุณภาพจาก http://www.1009seo.com/+uppic/12-57/social_network_2.JPG
2. เป็นทางในการหางานทำงาน
ขอบคุณภาพจาก http://th.jobsdb.com/th-th/wp-content/uploads/sites/3/2014/08/%E0%B9%82%E0%B8%8B%E0%B9%80%E0%B8%8A%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%A5%E0%B8%A1%E0%B8%B5%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B9%83%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%97%E0%B8%B3%E0%B8%87%E0%B8%B2%E0%B8%99.jpg
3. ใช้ในการหาข้อมูลต่างๆในการเรียน
ขอบคุณภาพจาก http://tech.mthai.com/wp-content/uploads/2011/04/google-video-sitemap.jpeg
4. ทำให้ติดต่อกันได้ง่ายขึ้น
ขอบคุณภาพจาก http://www.moneymartthai.com//images/daily/daily_146.jpg
5.)ติดต่อค้าขายกันได้สะดวกขึ้น ไม่จำเป็นต้องเดินทางหากัน เพราะบางครั้งระยะทางไกลกัน
ขอบคุณภาพจาก http://www.jaffnacentralcollege.org/wp-content/uploads/2013/11/promotiononlineshopping.jpg
ข้อเสีย
1. ไม่มีวิธีตรวจสอบว่าข้อมูลที่ได้รับนั้นเป็นจริงหรือไม่
ขอบคุณภาพจาก http://www.dmc.tv/images/00-iimage/570531.02.jpg
2. ต้องใช้ความระมัดระวังอย่างมากในการใช้โซเชียลเน็ตเวิร์ค เพราะเมื่อโพสหรือเผยแพร่อะไรแล้ว ข้อมูลนั้นจะถูกแผ่หลายเร็วมาก
ขอบคุณภาพจาก https://lh3.googleusercontent.com/-dx33Z_AN-z4/UTw9A6rqKJI/AAAAAAAAE-Q/hOgFa7ByX28/s700/tumblr1.jpg
ทุกคนคงได้รู้ข้อดีและข้อเสียของโซเชียลเน็ตเวิร์คกันแล้วว่าประโยชน์นั้นมีมากพอสมควรทำให้สะดวกในการติดต่อกับคนอื่นๆและทำธุรกิจได้ แต่ก็ควรระมัดระวังข้อเสียของการใช้โซเชียลเน็ตเวิร์คด้วยเช่นกัน
วันพุธที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2558
week2:ชวนกินคลายร้อนกับ 15 ร้านไอศกรีมหวานเย็นชื่นใจ
เมษายนเดือนที่ร้อนมาก ๆ แบบนี้ จะเดินทางไปที่ไหนก็ร้อน...ร้อนมาก...ร้อนที่สุด และแน่นอนว่าหลายคนก็คงหาวิธีลดอุณหภูมิความร้อนในร่างกายกันอยู่ วันนี้เราจะมาชวนเพื่อน ๆ ไปคลายร้อนด้วยการรวมเมนูเย็น ๆ อย่าง "ไอศกรีม" มาเป็นตัวเลือกให้เพื่อน ๆ ได้แวะไปนั่งคลายร้อนกัน กับ 15 ร้านไอศกรีมน่าหม่ำ เอาเป็นว่าอย่ารอช้าตามไปฟินแบบเย็น ๆ พร้อม ๆ กันเลยค่ะ
1. Tropical Monkey Boutique Ice Cream Cafe
ร้านไอศกรีมสุดน่ารักตั้งอยู่ท่ามกลางบรรยากาศสวนสุดร่มรื่นสไตล์ Tropical เน้นเมนูไอศกรีมเสิร์ฟคู่กับเมนูขนมหวาน เช่น ไอศกรีมถ่านดำเสิร์ฟคู่กับคัพเค้กกำมะหยี่สีแดงและบราวนี่ครีมชีส เพิ่มวิปครีมและสตรอว์เบอร์รีสด, บราวนี่เนื้อนุ่มคู่กับไอศกรีมเย็น ๆ และชีสเค้กเนื้อบางเบาเข้าคู่กับไอศกรีมเนื้อเนียนนุ่ม นอกจากนี้ยังมีไอศกรีมสำหรับเด็กที่แพ้นมวัวกับ Sorbet Ice Cream ให้เลือก เช่น รส Tropicana, Blue Hawaii, Coco Taro และ Raspberry Rose อีกด้วย
เวลาเปิด-ปิด : เปิดบริการทุกวันเวลา 10.00-22.00 น.
ที่อยู่ : Central Embassy ชั้น 5 ถนนเพลินจิต แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ
โทรศัพท์ : 08 1616 3909
เว็บไซต์ : เฟซบุ๊ก Tropical Monkey Boutique Ice Cream Cafe
2. Kyo Roll En
ภาพจาก เฟซบุ๊ก Kyo Roll En
ร้านขนมสไตล์ญี่ปุ่นแสนน่ารักตกแต่งด้วยสถาปัตยกรรมแบบญี่ปุ่นสาขาแรกในประเทศไทย สำหรับเมนูเด็ดของร้าน เช่น Kyo Roll Set เค้กโรลญี่ปุ่นที่มาพร้อมกับไอศกรีมชาเขียว เสิร์ฟในถ้วยไม้ไผ่รูปแบบเก๋ไก๋, Matcha Deluxe Parfait ไอศกรีมชาเขียวในแก้วทรงสูง เพิ่มมูสและท็อปปิ้งเก๋, Signature Custard Pudding พุดดิ้งสีขาวเนื้อเนียนละเอียด และ Cone Parfait ไอศกรีมชาเขียวในวาฟเฟิลโคน พร้อมเติมท็อปปิ้งสุดน่ารัก หรือ Matsuri ไอศกรีมชาเขียวกับน้ำแข็งไสชาเขียวเพิ่มท็อปปิ้ง ฯลฯ พร้อมด้วยเมนูเครื่องดื่มนานาชนิด ไม่ว่าจะเป็นน้ำพีชญี่ปุ่น, มาลอน, ลาเต้, นมเกาลัด เป็นต้น เวลาเปิด-ปิด : เปิดบริการทุกวัน เวลา 10.00-22.00 น.
ที่อยู่ : สาขา Gateway Ekamai, สาขาสยามพารากอน, สาขา The EmQuartier, สาขา The Emporium, สาขาเซ็นทรัลพลาซา ลาดพร้าว, สาขา Central Embassy, สาขาสยามสแควร์วัน, สาขาเซ็นทรัลพลาซา แจ้งวัฒนะ, เอสพลานาด รัชดาภิเษก และ Silom Complex
โทรศัพท์ : 0 2108 2660
เว็บไซต์ : kyorollen.com และ เฟซบุ๊ก Kyo Roll En
3. Stickhouse Thailand
ภาพจาก เฟซบุ๊ก Stickhouse Thailand
ถ้าใครที่ชื่นชอบไอศกรีมโฮมเมดต้องร้านนี้เลย Stickhouse ร้านไอศกรีมภายใต้แบรนด์ Gelato ส่งตรงจากอิตาลี ซึ่งไอศกรีมของร้านนี้โดดเด่นด้วยการทำจากวัตถุดิบธรรมชาติ 100% ผลิตด้วยกรรมวิธีแบบ Zero Air คือไม่มีอากาศแทรกในเนื้อไอศกรีม ซึ่งนอกจากจะมีให้เลือกทานแบบแท่งที่มีให้เลือก ทั้งรสนม, กล้วย, ช็อกโกแลตกับวานิลลา, กาแฟ, มะม่วง, เมล่อน, สตรอว์เบอร์รี, ราสเบอรี, เลมอน, มินท์, อโวคาโด, พิตตาชิโอ และรสผลไม้ไทยตามฤดูกาลอย่างแตงโม, มะม่วง, เสาวรส และแก้วมังกรแล้ว ยังมีเสิร์ฟแบบเพิ่มท็อปปิ้งมากมายให้เลือกอีกด้วย เวลาเปิด-ปิด : เปิดบริการทุกวัน เวลา 10.00-22.00 น.
ที่อยู่ : สาขาสยามพารากอน ชั้น G, สาขา Terminal 21 ชั้น 4, สาขา Tha Maharaj, สาขา Emquartier ชั้น B
เว็บไซต์ : เฟซบุ๊ก Stickhouse Thailand
4. Tongue Fun Ice Cream (ไอศกรีมหม้อไฟ)
ภาพจาก instagram @pornporn
ร้านไอศกรีมที่เพิ่มความเก๋ด้วยการเสิร์ฟในหม้อไฟ พร้อมควันจากน้ำแข็งแห้งให้ความรู้สึกเย็นอยู่ตลอดเวลา ซึ่งเมนูไอศกรีมรสชาติต่าง ๆ ทางเจ้าของร้านเป็นคนคิดค้นมาเองมีให้เลือกกว่า 50 รส แถมยังมีการพัฒนาความแปลกใหม่ด้วย อย่างรสผลไม้ไทย อาทิ มังคุด, กล้วย, เสาวรส, กระทิงแดง และยาคูลท์ปีโป้ ส่วนเมนูแนะนำของร้าน ได้แก่ รสโคตรนม, แปะก๊วยนมสด, กล้วยสตรอว์เบอร์รี, วาซาบิ, วอดก้าเรดบลู, เบียร์, วานิลลา, ส้ม และมะนาว เป็นต้น
เวลาเปิด-ปิด : เปิดบริการทุกวัน เวลา 19.00-23.00 น.
ที่อยู่ : สาขา 1 ซอยยศเส (ตรงข้ามโรงพยาบาลหัวเฉียวฯ) ถนนพลับพลาไชย แขวงวัดเทพศิรินทร์ เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพฯ, สาขา 2 ซอยลาดพร้าว 71 (นาคนิวาส 26) ถนนนาคนิวาส แขวงลาดพร้าว เขตลาดพร้าว กรุงเทพฯ, สาขา 3 Terminal 21 ชั้น 5 ซอยสุขุมวิท 19 ถนนสุขุมวิท เขตวัฒนา กรุงเทพฯ, สาขา 4 เดอะซีนทาวน์อินทาวน์ ซอยลาดพร้าว 94 (ปัญจมิตร) ถนนลาดพร้าว แขวงวังทองหลาง เขตวังทองหลาง กรุงเทพฯ
โทรศัพท์ : 08 9111 6836
เว็บไซต์ : เฟซบุ๊ก Tongue Fun Ice Cream
5. Emack and Bolio's Thailand
เวลาเปิด-ปิด : เปิดบริการทุกวัน เวลา 10.00-22.00 น.
ที่อยู่ : สาขาเซ็นทรัลเวิลด์ ชั้น 6 โซนเอเทรียม, นิชาดา พลาซ่า ในโครงการหมู่บ้านนิชาดาธานี ชั้น 2, สาขาเซ็นทรัลลาดพร้าว ชั้น 2 และ The EmQuartier ชั้น 7
โทรศัพท์ : 0 2259 1193
เว็บไซต์ : เฟซบุ๊ก Emack and Bolio's Thailand
6. Owlvee Soft
ภาพจาก เฟซบุ๊ก Owlvee Soft
ไอศกรีมเพื่อสุขภาพที่มีส่วนประกอบหลักเป็นน้ำนมถั่วเหลือง ผสมเข้ากันกับผงมัจฉะชาเขียวของแท้ส่งตรงมาจากประเทศญี่ปุ่น ส่วนเมนูที่ขึ้นชื่อมากก็ คือ ไอศกรีมชาเขียวฟองเต้าหู้ นอกจากนี้ยังมีไอศกรีมหลากหลายรสชาติให้เลือกทั้ง Vanilla Soybean (ไอศกรีมน้ำนมถั่วเหลืองกลิ่นวนิลา), Premium Uji Matcha (ไอศกรีมชาเขียวระดับพรีเมี่ยม), Melon Yogurt (ไอศกรีมเมล่อนญี่ปุ่นผสมโยเกิร์ต), Dark Chocolate (ไอศกรีมช็อกโกแลตเข้มข้น) และ Hokkaido Lavender (ไอศกรีมทูโทนสีเขียว-ม่วง) พร้อมด้วยท็อปปิ้งให้เลือกมากมายอย่าง แปะก๊วย, ถั่วแดง, ลูกพีช และโมจิ อีกด้วย
เวลาเปิด-ปิด : เปิดบริการทุกวัน เวลา 11.00 - 21.00 น.
ที่อยู่ : 39 อาคาร ภายในโครงการเดอะเซอร์เคิล ราชพฤกษ์ ถนนราชพฤกษ์ แขวงบางระมาด เขตตลิ่งชัน กรุงเทพฯ และเซ็นทรัลแกรนด์พระราม 9
โทรศัพท์ : 08 9124 4771, 08 5824 2426
เว็บไซต์ : เฟซบุ๊ก Owlvee Soft
7. Cafe Aboong
ร้านไอกรีมโยเกิร์ตเก๋ ๆ ที่เสิร์ฟพร้อมวาฟเฟิลปลาอ้าปากส่งตรงจากจากแดนกิมจิ ตั้งอยู่ย่านวัยรุ่นสยาม มีเมนูเดียวคือ Soft Ice Cream Fish และมีสองไส้ให้เลือกถั่วแดงกับคัสตาร์ด เพิ่มท็อปปิ้งด้วยผลไม้เสียบไม้ดิปช็อกโกแลตฟองดูว์ พร้อมต้อนรับหน้าร้อนด้วยไส้ใหม่อย่าง "ไส้คัสตาร์ดมะม่วง" อีกด้วย
ที่อยู่ : ร้านอยู่ตรงด้านหน้าประตูทางเข้า digital gate way ฝั่งที่ติดกับเชสเตอร์กริลล์
โทรศัพท์ : 09 1874 4435
เว็บไซต์ : เฟซบุ๊ก Cafe Aboong
8. IceDEA (หอศิลป์กรุงเทพฯ)
ภาพจาก เฟซบุ๊ก IceDEA
ร้านไอศกรีมโฮมเมดที่เป็นเหมือนตู้โชว์ผลงานศิลปะที่มีมาให้เลือกมากมาย เพิ่มไอเดียการตกแต่งไอศกรีมให้ดูแปลกแหวกแนวตามธีมงานต่าง ๆ ส่วนรสชาติของไอศกรีมเน้นการเปลี่ยนรสชาติที่แปลกใหม่ ๆ ด้วยการคิดสูตรขึ้นมาเรื่อยกว่า 20 รสชาติ อาทิ ไอศกรีมข้าวต้มมัด, ไอศกรีมวาซาบิ, ไอศกรีมชาเย็น, ไอศกรีมนกหวีด,ไอศกรีมช็อคโกแลตสอดไส้นมเย็น, ไอศกรีมขนมเบื้อง, ไอศกรีมซูชิ,ไอศกรีมมะนาวกับฟันปลอมคุณยาย และไอศกรีมสนามหญ้า เป็นต้น เวลาเปิด-ปิด : เปิดบริการทุกวันอังคาร-อาทิตย์ เวลา 11.00-19.00 น.
ที่อยู่ : ชั้น 4 หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร ถนนพระรามที่ 1 แขวงรองเมือง เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ
โทรศัพท์ : 08 9834 5950
เว็บไซต์ : icedea.com และ เฟซบุ๊ก IceDEA
9. Jaiyen Cafe
ร้านไอศกรีมโฮมเมดไทยแท้ในชื่อ "ไอศกรีมไทยใจเย็น" เพิ่มความโดดเด่นของเมนูไอศกรีมด้วยการเสิร์ฟ ไอศกรีม 8 ลูกเล็กเย็น ๆ มาในหม้อคล้ายชาบู พร้อมด้วยซอส 3 แบบ และวาฟเฟิล 3 รสชาติให้เลือก เพิ่มความเก๋ด้วยการราดกาแฟเข้มข้นหอม ๆ ลงบนไอศกรีมทีทานเข้ากันได้อย่างลงตัวอีกด้วย
เวลาเปิด-ปิด : เปิดบริการทุกวัน เวลา 10.30–20.30 น.
ที่อยู่ : 26 ซอยพร้อมมิตร แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพฯ
โทรศัพท์ : 08 1753 3324
เว็บไซต์ : เฟซบุ๊ก Jaiyen Cafe
10. CRUMB
ร้านไอศกรีมสุดหอมหวานเจ้าของเดียวกันกับร้าน After You ที่เน้นการเสิร์ฟเมนูไอศกรีมกว่า 16 รสชาติ แบบ Low Fat, Low Sugar ราดด้วยซอสหลายชนิดทั้งสตรอว์เบอร์รี พร้อมท็อปปิ้งเก๋ ๆ อย่างผลไม้อบ, คุกกี้, เค้ก และอื่น ๆ อีกมากมาย ส่วนเมนูแนะนำของร้าน ได้แก่ Honeycomb ไอศกรีมเนื้อนุ่มราดด้วยรังผึ้งและน้ำผึ้งแท้, Salted-caramel popcorn ไอศกรีมเนื้อนุ่มโรยด้วยป๊อปคอร์นราดด้วยซอสคาราเมลหนึบ ๆ เป็นต้น
เวลาเปิด-ปิด : เปิดบริการทุกวัน เวลา 10.30-22.00 น.
ที่อยู่ : Central Embassy ชั้น 3 ถนนเพลินจิต แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ
โทรศัพท์ : 0 2119 7777
เว็บไซต์ : เฟซบุ๊ก CRUMB
11. Manycups
เวลาเปิด-ปิด : เปิดบริการทุกวัน เวลา 10.30-22.00 น.
ที่อยู่ : สาขาทาวน์อินทาวน์ (The Scene Town in Town) โครงการเดอะซีน ซอยลาดพร้าว 94 (ปัญจมิตร) ถนนลาดพร้าว แขวงวังทองหลาง เขตวังทองหลาง กรุงเทพฯ, สาขา K village ชั้น 1 สุขุมวิท 26 เขตคลองเตย กรุงเทพฯ
โทรศัพท์ : 0 2661 5909
เว็บไซต์ : เฟซบุ๊ก manycups
12. Buddhi Belly
ภาพจาก เฟซบุ๊ก Buddhibelly
ร้านไอศกรีมเพื่อสุขภาพ ซึ่งทางร้านตั้งใจให้เป็นร้านของหวานทางเลือกใหม่ของคนที่ชื่นชอบของหวานและรักสุขภาพไปด้วย เมนูไอศกรีมของร้านเน้นไอศกรีมโยเกิร์ตแท้ ๆ มีให้เลือก 4 รสชาติ คือ โยเกิร์ตรสธรรมชาติ, รสสตรอว์เบอร์รี, รสบลูเบอร์รี และรสช็อกโกแลต พร้อมด้วยท็อปปิ้งเป็นผลไม้สด ๆ และ ถั่วที่คัดคุณภาพมาให้เลือกหลากหลายอีกด้วย เวลาเปิด-ปิด : เปิดบริการทุกวัน เวลา 10.00–21.30 น.
ที่อยู่ : สาขาสยามพารากอน (ชั้น 3 ฝั่ง South East ด้านหน้าทางเข้า B-Trend) ชั้น 3 991 ถนนพระราม 1 แขวงปทุมวัน เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ โทรศัพท์ 0 2610 9784, สาขาเซ็นทรัลเวิลด์ (ชั้น 7 ฝั่ง Food hall) ชั้น 7 999/9 ถนนพระราม 1 แขวงปทุมวัน เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ โทรศัพท์ 0 2613 1643
เว็บไซต์ : เฟซบุ๊ก Buddhibelly
13. Creamery Boutique Ice Creams
ที่อยู่ : สาขาสามย่านจุฬา 42 เวลา 11.00-21.00 น. หยุดวันนักขัตฤกษ์, สาขาท่ามหาราช เวลา 11.00-21.00 น. และ สาขากรุงธนซอย 5 เปิดศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ เวลา 14.00-22.00 น.
เว็บไซต์ : เฟซบุ๊ก Creamery Boutique Ice Creams
14. Softree
เวลาเปิด-ปิด : เปิดบริการทุกวัน เวลา 10.00-22.00 น.
ที่อยู่ : ชั้น B ศูนย์การค้า EmQuartier กรุงเทพฯ
เว็บไซต์ : เฟซบุ๊ก Softree Thailand
15. ร้านไอติมผัด ไอซ์-มาเนียส์
ภาพจาก เฟซบุ๊ก ไอติมผัด-ice manias
และสุดท้ายกับร้านร้านไอศกรีมรูปแบบใหม่ แถมยังกระจายธุรกิจแฟรน์ไชน์ให้ได้ทานกันทั่วไทย กับร้านไอติมผัด ไอซ์-มาเนียส์ ที่ได้แนวคิดมาจากต่างประเทศ มาต่อยอดคิดค้นเครื่องมือโดยคนไทย และสูตรไอศกรีมด้วยตนเองด้วยจุดเริ่มต้นร้าน ice pad และพัฒนามาเป็น ไอติมผัด ไอซ์มาเนียส์กับเมนูไอศกรีม ที่ทำจากน้ำไอศกรีมสด ผัดบนกระทะเย็นอุณหภูมิติดลบ 30 องศา ซึ่งไอศกรีมมีให้เลือกทั้งรสวนิลาและโยเกิร์ตซึ่งเป็นสูตรไขมันต่ำและแคลเซียมสูง รวมไปถึงการคัดเลือกผลไม้สด ๆ และท็อปปิ้งสดใหม่เสมอเพื่อความสดชื่นและมีประโยชน์ต่อสุขภาพของผู้บริโภค ที่อยู่ : สาขาในกรุงเทพฯ ได้แก่ สาขาเอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์, สาขาร้านตรงข้ามมหาวิทยาลัยมหิดล ศาลายา, สาขาดอนเมือง ข้าง รร.พระหฤทัย, สาขาแฟชั่นไอส์แลนด์ หน้า B2S และ สาขาสยาม ซอย 5 และสามารถดูสาขาต่างจังหวัดได้จาก itimpad.com
โทรศัพท์ : 08 1100 1081, 08 0595 6900
เว็บไซต์ : itimpad.com และ เฟซบุ๊ก ไอติมผัด-ice manias
เชื่อว่าหลายคนคงอดใจไม่ไหว และอยากแวะคลายร้อนกันเต็มที่กันแล้ว ถ้าอย่างนั้นอย่ารอช้าเลือกร้านแล้วลิ้มชมรสเมนูเย็น ๆ ท้าลมร้อนดีกว่า
อ้างอิงจาก:http://travel.kapook.com/view117255.html
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)